2. ปริกขารสูตร
[42] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย องค์แห่งสมาธิ 7 ประการนี้
7 ประการเป็นไฉน คือ สัมมาทิฏฐิ 1 สัมมาสังกัปปะ 1 สัมมาวาจา 1
สัมมากัมมันตะ 1 สัมมาอาชีวะ 1 สัมมาวายามะ 1 สัมมาสติ 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอกัคคตาจิตประกอบด้วยองค์ 7 ประการนี้
เรียกว่าอริยสมาธิ ที่เป็นไปกับด้วยอุปนิสัยก็มี มีเป็นไปกับด้วย
บริขารก็มี
จบ ปริกขารสูตรที่ 2
อรรถกถาปริกขารสูตรที่ 2
ปริกขารสูตรที่ 2 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สมาธิปริกฺขารา ได้แก่ องค์ประกอบแห่งสมาธิ
อันสัมปยุตด้วยมรรค.
จบ อรถกถาปริกขารสูตรที่ 2
3. ปฐมอัคคิสูตร
[43] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟ 7 กองนี้. ไฟ 7 กองเป็นไฉน
คือ ไฟคือราคะ 1 ไฟคือโทสะ 1 ไฟคือโมหะ 1 ไฟคืออาหุไนย-
บุคคล 1 ไฟคือคหบดี 1 ไฟคือทักขิไณยบุคคล 1 ไฟเกิดแต่ไม้ 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟ 7 กองนี้แล.
จบ ปฐมอัคคิสูตรที่ 3
อรรถกถาปฐมอัคคิสูตรที่ 3
ปฐมอัคคิสูตรที่ 3 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
กิเลสทั้งหลายมีราคะเป็นต้นแม้ทั้งหมด ชื่อว่า อคฺคิไฟ
เพราะอรรถว่าตามเผาผลาญ. ส่วนบทเป็นต้นว่า อาหุเนยฺยตฺคิ นี้
พึงทราบวินิจสัยดังต่อไปนี้ สักการะท่านเรียกว่า อาหุนะ ชนเหล่าใด
ย่อมควรซึ่งอาหุนะ เหตุนั้น ชนเหล่านั้น ชื่อว่า อาหุเนยยา ชนผู้ควร
ซึ่ง อาหุนะ. จริงอยู่ มารดาและบิดาทั้งหลาย บุตรทั้งหลาย
เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้มีอุปการมากแก่บุตรทั้งหลาย บุตรทั้งหลาย
ปฏิบัติผิดในมารดาและบิดาทั้ง 2 นั้น ย่อมบังเกิดในอบายมีนรก
เป็นต้น เพราะเหุนนั้น ถึงแม้มารดาและบิดา จะมิได้ตามเผาผลาญ
อยู่ก็จริง ถึงกระนั้นท่านทั้ง 2 ก็ยังเป็นปัจจัยแก่การตามเผาผลาญ
อยู่ ดังนั้น ท่านเรียก มารดาบิดาว่า อาหุเนยยัคคิ เพราะอรรถว่า